โรคผิวหนังเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มีภูมิอากาศร้อนชื้น ซึ่งเอื้อต่อการเกิดการติดเชื้อ การระคายเคือง และโรคผิวหนังเรื้อรังหลายชนิด การรู้จักโรคผิวหนังที่พบบ่อย พร้อมวิธีดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง จะช่วยลดความรุนแรงของอาการและป้องกันภาวะแทรกซ้อนในระยะยาวได้
1. สิว (Acne)
ลักษณะอาการ:
สิวมักเกิดบนใบหน้า ลำคอ หน้าอก หรือหลัง มีทั้งสิวอุดตัน (หัวขาว หัวดำ) สิวอักเสบ และสิวหนอง
สาเหตุหลัก:
การอุดตันของรูขุมขน
การผลิตไขมันส่วนเกิน
ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะช่วงวัยรุ่น
พฤติกรรมล้างหน้าหรือแต่งหน้าที่ไม่เหมาะสม
วิธีป้องกันเบื้องต้น:
ล้างหน้าอย่างอ่อนโยนวันละ 2 ครั้ง
หลีกเลี่ยงการบีบ แกะสิว
ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่อุดตันรูขุมขน (non-comedogenic)
ปรึกษาแพทย์หากสิวรุนแรงหรือเป็นเรื้อรัง


2. ผื่นแพ้สัมผัส (Contact Dermatitis)
ลักษณะอาการ:
เกิดผื่นแดง คัน บวม หรือมีตุ่มน้ำบริเวณที่สัมผัสสารระคายเคืองหรือสารก่อภูมิแพ้ เช่น น้ำหอม โลหะ สารเคมีในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด
สาเหตุหลัก:
สารระคายเคือง (เช่น สารฟอกขาว, น้ำยาล้างจาน)
สารก่อภูมิแพ้ (เช่น นิกเกิลในเครื่องประดับ, น้ำหอม)
วิธีป้องกันเบื้องต้น:
หลีกเลี่ยงสิ่งที่เคยแพ้
สวมถุงมือเมื่อต้องสัมผัสสารเคมี
เลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีน้ำหอม หรือผ่านการทดสอบทางผิวหนัง (dermatologically tested)

3. โรคเชื้อราที่ผิวหนัง (Tinea / Fungal Infections)
ลักษณะอาการ:
มักเป็นผื่นแดง คัน มีขอบเขตชัดเจน บางรายมีลักษณะเป็นวงกลม พบได้ตามง่ามนิ้วเท้า ลำตัว หรือขาหนีบ
สาเหตุหลัก:
การสัมผัสเชื้อราในที่ชื้น เช่น ห้องน้ำสาธารณะ โรงยิม
การใส่เสื้อผ้าที่เปียกชื้นหรือระบายอากาศไม่ดี
ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
วิธีป้องกันเบื้องต้น:
รักษาร่างกายให้แห้ง โดยเฉพาะจุดอับชื้น
สวมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศดี
หลีกเลี่ยงการใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น

4. สะเก็ดเงิน (Psoriasis)
ลักษณะอาการ:
มีผื่นหนา แดง ลอกเป็นขุยสีขาว มักเกิดบริเวณหนังศีรษะ ข้อศอก เข่า และหลัง
สาเหตุหลัก:
เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ
กระตุ้นโดยความเครียด การติดเชื้อ หรือการบาดเจ็บของผิวหนัง
วิธีป้องกันเบื้องต้น:
หลีกเลี่ยงการเกา หรือทำให้ผิวบาดเจ็บ
ลดความเครียด และพักผ่อนให้เพียงพอ
ใช้ครีมบำรุงเพื่อลดความแห้งของผิว

5. ลมพิษ (Urticaria)
ลักษณะอาการ:
ผื่นนูนแดง คัน รู้สึกร้อนที่ผิวหนัง อาจเกิดเป็นครั้งคราวหรือเรื้อรัง บางรายมีอาการบวมที่ริมฝีปากหรือรอบดวงตา
สาเหตุหลัก:
แพ้อาหาร ยา หรือแมลงกัดต่อย
อุณหภูมิเปลี่ยนแปลง หรือความเครียด
วิธีป้องกันเบื้องต้น:
หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นที่เคยมีประวัติแพ้
บันทึกไดอารี่อาหารและสิ่งแวดล้อมรอบตัว
พบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติม หากเป็นซ้ำบ่อย

เมื่อไหร่ควรพบแพทย์ผิวหนัง?
อาการไม่ดีขึ้นหลังดูแลเบื้องต้น
ผื่นลุกลาม หรือมีการติดเชื้อแทรกซ้อน
อาการเรื้อรังหรือกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
การดูแลผิวหนังไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงามเท่านั้น แต่เกี่ยวข้องกับสุขภาพโดยรวมของร่างกาย หากไม่แน่ใจในอาการของตนเอง การพบแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังจะช่วยให้ได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้องตั้งแต่ต้น
หากคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับปัญหาผิวที่กำลังเผชิญอยู่ หรือไม่แน่ใจว่าอาการที่เป็นเข้าข่ายโรคผิวหนังชนิดใด
เดอร์มาแคร์ ดูแลโดยแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง ยินดีให้คำแนะนำเบื้องต้น
เพียงส่งคำถามของคุณเข้ามา ในระบบสมาชิก คุณหมอจะตอบกลับภายใน 24 ชั่วโมง — ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ
ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น