“ฝ้า กระ จุดด่างดำ” อาจเป็นเพียงปัญหาด้านผิวพรรณในสายตาคนทั่วไป
แต่สำหรับหลายคน นี่คืออุปสรรคต่อความมั่นใจที่ส่งผลต่อชีวิตประจำวันอย่างมาก
ในปัจจุบัน การใช้เลเซอร์เป็นหนึ่งในทางเลือกยอดนิยมในการรักษารอยดำและเม็ดสีผิดปกติ แต่สิ่งสำคัญที่มักถูกมองข้ามคือ “เลเซอร์ไม่ใช่ทางลัดแบบทำทีเดียวแล้วหาย” และ “หากใช้ไม่ถูกวิธี อาจทำให้ผิวเสียหายมากกว่าที่คิด”
เลเซอร์คืออะไร และช่วยรักษารอยเม็ดสีได้อย่างไร?
เลเซอร์เป็นแสงพลังงานความเข้มสูงที่มีความยาวคลื่นเฉพาะเจาะจง
ในทางผิวหนังแพทย์จะเลือกใช้ คลื่นความยาวที่เหมาะกับปัญหาของแต่ละคน
เพื่อให้แสงถูกดูดซึมเฉพาะเม็ดสีที่ผิดปกติ โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อรอบข้าง
เลเซอร์จึงสามารถใช้เพื่อลดเลือน:
ฝ้า (Melasma)
กระ (Freckles, Lentigines)
จุดด่างดำจากสิว
ปื้นดำจากแสงแดด หรือวัย
ทำไมบางคนทำเลเซอร์แล้วหน้าบาง หน้าพัง?
หลายคนอาจเคยได้ยินว่า “ทำเลเซอร์แล้วหน้าแย่กว่าเดิม”
ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดจากสาเหตุเหล่านี้:
ใช้เลเซอร์ผิดชนิด หรือพลังงานไม่เหมาะสมกับผิว
ทำถี่เกินไป โดยไม่มีการพักผิวหรือดูแลหลังเลเซอร์
ไม่หลีกเลี่ยงแสงแดดหลังทำ ทำให้รอยกลับมาเข้มขึ้น
ขาดการวินิจฉัยโดยแพทย์ว่าเม็ดสีนั้นคืออะไร เช่น ฝ้าแท้ หรือรอยอักเสบ
สิ่งสำคัญคือ: เลเซอร์ต้องเป็นเพียง “ส่วนหนึ่ง” ของแผนการรักษา ไม่ใช่คำตอบเดียวจบ
แพทย์จะต้องวินิจฉัยปัญหาเม็ดสีให้ชัดเจนก่อน และวางแผนอย่างเหมาะสมกับแต่ละคน
เลเซอร์ชนิดไหนใช้รักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ?
เลเซอร์ที่นิยมใช้มีหลายชนิด โดยแพทย์จะเลือกให้เหมาะกับประเภทของรอยและสีผิว เช่น:
Q-switched Nd:YAG: สำหรับเม็ดสีผิวตื้น–ลึก เช่น กระตื้น, กระลึก, ปานดำ
Fractional Laser: ใช้ฟื้นฟูรอยดำจากสิว พร้อมกระตุ้นคอลลาเจน
Picosecond Laser: พลังงานสูง ความแม่นยำสูง ลดโอกาสทำลายผิวข้างเคียง
IPL (Intense Pulsed Light): คล้ายเลเซอร์ แต่เป็นแสงความเข้มสูง ใช้กับรอยแดงร่วมด้วย
หมายเหตุ: ฝ้าเป็นปัญหาเรื้อรังที่เกิดลึกถึงระดับเซลล์สร้างเม็ดสี เลเซอร์เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ต้องดูแลร่วมกับยาทาและการป้องกันแดดอย่างสม่ำเสมอ
ต้องทำกี่ครั้ง? หายขาดไหม?
คำตอบคือ “ขึ้นอยู่กับชนิดของรอย และลักษณะผิวแต่ละคน”
โดยทั่วไปการรักษาต้องทำต่อเนื่อง 3–6 ครั้งขึ้นไป จึงจะเห็นผลที่ชัดเจน
และในหลายกรณี เช่น ฝ้า หรือรอยจากอายุผิว ไม่สามารถหายขาด
แต่สามารถควบคุมให้จางลงและไม่ลุกลามเพิ่มได้ หากดูแลอย่างเหมาะสม
เลือกทำเลเซอร์อย่างไรให้ปลอดภัย?
1. ต้องได้รับการประเมินโดยแพทย์ผิวหนัง
เพราะรอยแต่ละชนิดมีวิธีรักษาแตกต่างกันอย่างมาก
2. เลือกสถานพยาบาลที่ใช้เครื่องเลเซอร์ผ่านมาตรฐาน
เครื่องเลเซอร์ทางการแพทย์ต้องผ่านการรับรอง และมีการปรับพลังงานโดยผู้มีความรู้
3. ไม่ทำเลเซอร์ถี่เกินโดยไม่มีเหตุผลทางการแพทย์
การเร่งทำมากไปอาจทำให้ผิวบาง เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น PIH (รอยดำหลังอักเสบ)
4. ปฏิบัติตัวหลังทำเลเซอร์อย่างถูกต้อง
หลีกเลี่ยงแดด ใช้ครีมบำรุง และป้องกันการอักเสบของผิว
หากคุณกำลังลังเล… ควรเริ่มต้นที่ตรงไหน?
ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น